หลักการสหกรณ์ หมายถึง แนวทางสำหรับสหกรณ์ต่างๆ ในการนำคุณค่าของสหกรณ์ไปสู่การปฏิบัติอาจกล่าวได้ว่าหลักการของสหกรณ์นี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะสหกรณ์ โดยมีหลักการพื้นฐานเดิมจากหลักของผู้นำแห่งรอชเดล แล้วจึงปรับปรุงเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับสภาพทางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป

ปัจจุบันองค์การสัมพันธภาพสหกรณ์ระหว่างประเทศ (Intimation Cooperative Aliened) ซึ่งเป็นองค์การที่จัดตั้งขึ้นเป็นสมัชชาสหกรณ์ระหว่างประเทศ ซึ่งมีประเทศต่างๆ ที่นำวิธีการสหกรณ์ไปปฏิบัติเข้าร่วมกันเป็นสมาชิกรวม 94 ประเทศ ได้ประชุมเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2538 ที่เมืองแมนเชลเตอร์ ประเทศอังกฤษ ได้กำหนดหลักการสหกรณ์ไว้ 7 ข้อ คือ
1. การเป็นสมาชิโดยสมัครใจและเปิดกว้าง
2. การควบคุมโดยสมาชิกตามหลักประชาธิปไตย
3. การมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจของสมาชิก
4. การปกครองตนเองและความเป็นอิสระ
5. การศึกษา ฝึกอบรม และสารสนเทศ
6. การร่วมมือระหว่างสหกรณ์
7. การเอื้ออาทรต่อชุมชน
หลักการที่ 1 การเป็นสมาชิกโดยสมัครใจและเปิดกว้าง

สหกรณ์เป็นองค์กรแห่งความสมัครใจ เปิดรับบุคคลทั่วไปที่สามารถใช้บริการสหกรณ์ได้และเต็มใจจะรับผิดชอบในฐานะสมาชิกเข้าเป็นสมาชิก โดยปราศจากการกีดกันทางเพศฐานะทางสังคมเชื้อชาติ การเมือง การศาสนา
การเปิดรับสมาชิกทั่วไปและด้วยความสมัครใจนี้ แสดงให้เห็นถึงความเปิดกว้างของสหกรณ์ไม่มีการแบ่งชนชั้น ไม่กีดกันหวงห้ามเอวไว้สำหรับกลุ่มพวกพ้องของตน ให้โอกาสทุกคนได้เข้าเป็นสมาชิกเท่าเทียมกัน จากหลักการข้อนี้จึงมุ่งสร้างพฤติกรรมให้เป็นคนใจกว้าง ไม่คับแคบ ไม่คิดเพียงแค่ประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง แต่มุ่งหวังเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมเป็นสำคัญ
ความสมัครใจนี้ ตรงข้ามกับการบังคับ แต่อาจเกิดขึ้นได้จากการแนะนำส่งเสริมไม่ใช่การขู่เข็ญล่อล่วง แต่มีข้อสังเกตคือ สหกรณ์มีการกำหนดคุณสมบัติของสมาชิกไว้ ทำให้ถึงแม้จะสมัครใจต้องการเป็นสมาชิกแต่อาจไม่ได้เป็นตามต้องการเพราะขาดคุณสมบัติ การกำหนดคุณสมบัติสมาชิกเป็นการมองทั้งระบบเพื่อให้สมาชิกดำเนินกิจกรรมกับสหกรณ์ได้
การรับสมัครสมาชิกสมทบ คือ สมาชิกที่มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วน ควรมีเฉพาะสหกรณ์ที่สามารถสร้างประโยชน์ให้ได้ ไม่กระทบต่อการส่งเสริมประโยชน์ของสมาชิกปกติเป็นการเปิดโอกาสเพื่อให้บุคคลสมัครใจเข้าเป็นสมาชิกสหกรณ์ได้ จากกรณีการกำหนดคุณสมบัติ
การเริ่มต้นหลักการแห่งความสมัครใจ เพื่อให้สมาชิกในองค์กรสหกรณ์ใช้ความสมัครใจนี้ เป็นฐานในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป กล่าวคือ เมื่อสมัครใจเข้ามาย่อมเต็มใจเข้าประชุม เต็มใจร่วมธุรกิจ ยินดีรับผิดชอบ ยินดีปฏิบัติตนตามระเบียบ ภูมิใจในทรัพย์สินของสหกรณ์
หลักการที่ 2 การควบคุมโดยสมาชิกตามหลักประชาธิปไตย

สหกรณ์เป็นองค์กรประชาธิปไตยที่มีการควบคุมโดยสมาชิกซึ่งมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการกำหนดนโยบาย และการตัดสินใจ บุรุษแสะสตรีที่ได้รับการเลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่ให้เป็นผู้แทนสมาชิกต้องรับผิดชอบต่อสมาชิก
ในสหกรณ์ขั้นปฐมสมาชิกมีสิทธิในการออกเสียงเท่าเทียมกัน (สมาชิกหนึ่งคน หนึ่งเสียง) สำหรับสหกรณ์ในระดับอื่นๆ ก็ดำเนินการตามแนวทางประชาธิปไตยเช่นเดียวกัน
การควบคุมโดยสมาชิกตามหลักประชาธิปไตย จึงแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการเลือกตัวแทนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำหน้าที่ในการบริหารและการจัดการแทนสมาชิก หลักการข้อนี้จึงมุ่งสร้างพฤติกรรมการมีส่วนร่วมการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นและการเปิดใจกว้างในการรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ฝึกการเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดีตลอดจนเปิดโอกาสและยอมรับให้ผู้อื่นเข้ามาทำหน้าที่บริหารแทนตน
หลักการนี้ส่งผลให้สหกรณ์ดำเนินงานตามเสียงส่วนใหญ่ สหกรณ์เป็นของสมาชิกมีระบบตัวแทน มีการประชุมใหญ่ที่มีอำนาจสูงสุดในสหกรณ์ บุรุษและสตรีมีสิทธิเสรีภาพ มีการควบคุมตรวจสอบโดยสมาชิก
หลักการที่ 3 การมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจของสมาชิก

สมาชิกมีส่วนร่วมในการลงทุน (ซื้อหุ้น) ในสหกรณ์ของตนอย่างเสมอภาคกันและมีส่วนในการควบคุมการใช้เงินทุนของสหกรณ์ตามแนวทางประชาธิปไตย ทุนของสหกรณ์อย่างน้อยๆ ส่วนหนึ่งต้องเป็นทรัพย์สินส่วนรวมของสหกรณ์ โดยปกติสมาชิกจะได้รับผลตอบแทน (ถ้ามี) ในอัตราที่จำกัดตามเงินลงทุน (หุ้น) ที่กำหนดเป็นเงื่อนไขของการเข้าเป็นสมาชิก สมาชิกสามารถจัดสรรเงินส่วนเกินของสหกรณ์เพื่อวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทุกอย่าง ดังนี้คือ
*เพื่อตอบแทนพัฒนาสหกรณ์ โดยอาจกันเงินสำรองซึ่งอย่างน้อย จะต้องมีส่วนหนึ่งที่นำมาแบ่งปันกันไม่ได้
*เพื่อตอบแทนแก่สมาชิกตามสัดส่วนของปริมาณธรกิจ ที่สมาชิกได้ทำกับสหกรณ์
*เพื่อสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ที่มวลสมาชิกเห็นชอบ
เหตุผลที่สหกรณ์จะต้องจัดสรรเงินส่วนเกินในลักษณะดังกล่าวนี้ก็เพื่อเพิ่มทุนของสหกรณ์ให้มากขึ้น เพื่อให้สหกรณ์พึ่งตนเองและมีความมั่นคง เงินสำรองดังกล่าวนี้ ไม่สามารถจัดสรรให้กับมวลสมาชิกได้ เป็นเงินกองกลาง ถ้าสหกรณ์มีอันต้องเลิกกิจการลงเงินสำรองนี้จะต้องโอนไปให้กับสหกรณ์อื่น หรือโอนไปเป็นทุนสาธารณประโยชน์ สำหรับกำไรส่วนที่เหลือคืนสู่สมาชิกในรูปของเงินปันผลตามหุ้น และเงินเฉลี่ยคืนตามส่วนของธุรกิจที่สมาชิกรายนั้นๆ ทำไว้กับสหกรณ์ สมาชิกรายใดไม่ได้ทำธุรกิจสหกรณ์ เพียงเอาเงินมาถือหุ้นกับสหกรณ์ก็ได้รับเงินปันผลกลับคืนในอัตราที่เท่ากันและจำกัดส่วนสมาชิกรายนั้นๆ ไป ทั้งนี้เพื่อมุ่งเน้นให้สมาชิกได้เข้ามามีส่วนร่วมในการทำธุรกิจ กับสหกรณ์มากก็ได้รับเงินเฉลี่ยคืนกลับไปมาก สมาชิกรายใดทำธุรกิจกับสหกรณ์น้อยก็ได้รับเงินเฉลี่ยคืนน้อย สมาชิกรายใดไม่ทำธุรกิจกับสหกรณ์ก็ไม่ได้รับเงินเฉลี่ยคืน ได้รับเพียงเงินปันผลตามหุ้น
การมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจโดยสมาชิกจึงแสดงถึง การให้ความสำคัญแก่สมาชิกในฐานะที่เป็นทั้งเจ้าของทุนและเป็นผู้ใช้บริการด้วย หลักการข้อนี้มุ่งสร้างพฤติกรรมให้เห็นคุณค่าของความร่วมมือเป็นสำคัญมากกว่าเงินกำไรที่เกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจ มาจากการอดทนของสมาชิกที่ภักดีทำธุรกิจหรือใช้บริการของสหกรณ์ จึงควรได้รับส่วนเฉลี่ยคืนจากผลกำไรนั้น สำหรับผลตอบแทนลงทุนก็ยังคงได้รับการจัดสรรในอัตราที่จำกัดอย่างเหมาะสม

สหกรณ์เป็นองค์กรที่พึ่งพาตนเองและปกครองตนเอง โดยมีการควบคุมจากมวลสมาชิก หากสหกรณ์ จะต้องมีข้อตกลงผูกพันกับองค์การอื่นใด ซึ่งรวมถึงหน่วยงานของรัฐบาลด้วย หรือจะต้องเพิ่มเงินลงทุนโดยอาศัยแหล่งเงินทุนภายนอกสหกรณ์ สหกรณ์จะต้องกระทำการดังกล่าวภายใต้เงื่อนไขที่มั่นใจได้ว่ามวลสมาชิกจะยังคงธำรงไว้ซึ่งอำนาจในการควบคุมสหกรณ์ตามแนวทางประชาธิปไตยและสหกรณ์ยังคงดำรงความเป็นอิสระ
การปกครองตนเองและความเป็นอิสระ เป็นผลต่อเนื่องจากหลักการสหกรณ์ข้อที่ 2 การควบคุมโดยสมาชิกตามหลักประชาธิปไตย จึงทำให้สหกรณ์เป็นองค์กรที่พึ่งพาและปกครองตนเองโดยการควบคุมของมวลสมาชิกในที่ประชุมใหญ่ และในกรณีที่สหกรณ์จำต้องมีข้อตกลงหรือผูกพันกับองค์กรอื่นๆ รวมถึงหน่วยงานของรัฐ หรือต้องแสวงหาทุนจากแหล่งภายนอก สหกรณ์ต้องกระทำภายใต้เงื่อนไขอันเป็นที่มั่นใจได้ว่ามวลสมาชิกจะยังคงไว้ ซึ่งอำนาจในการควบคุมตามแนวทางประชาธิปไตย และยังคงดำรงความเป็นอิสระของสหกรณ์ไว้
หลักการที่ 5 การศึกษา ฝึกอบรมและสารสนเทศ
สหกรณ์พึงให้การศึกษาและการฝึกอบรมแก่สมาชิก ผู้แทนสมาชิกที่ได้รับการเลือกตั้ง ผู้จัดการและ เจ้าหน้าที่ เพื่อให้บุคคลเหล่านี้สามารถมีส่วนช่วยพัฒนาสหกรณ์ของตนเองได้อย่างมีประสิทธิผลและพึงให้ข่าวสารแก่สาธารณชน โดยเฉพาะเยาวชนและบรรดาผู้นำทางความคิดเรื่องคุณลักษณะและคุณประโยชน์ของสหกรณ์
นักสหกรณ์ชาวเดนมาร์ค ผู้ประสบผลสำเร็จในการพัฒนาสหกรณ์ผู้หนึ่งกล่าวว่า “สหกรณ์ใดไม่มีโครงการให้การศึกษาอบรมสมาชิกอย่างต่อเนื่อง สหกรณ์นั้นจะสิ้นสุดภายในชั่วอายุคนครึ่ง” ซึ่งขยายความได้ว่าสหกรณ์นั้นจะเปลี่ยนเป็นองค์กรอื่นที่มิใช่สหกรณ์ หรือเป็นสหกรณ์แต่เพียงชื่อหรือป้ายที่ติดไว้เท่านั้น นั่นแสดงให้เห็นว่าการให้การศึกษาอบรมเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการสืบทอดแนวความคิดทางสหกรณ์ หรือเผยแพร่ความรู้ทางสหกรณ์ให้กว้างขวางขึ้น ขณะเดียวกันสหกรณ์ต้องแข่งขั้นกับธุรกิจอื่นๆ ด้วย จึงจำเป็นต้องพัฒนาคนในสหกรณ์ให้มีความรู้ความสามารถในการดำเนินธุรกิจ

หลักการข้อนี้ นับว่ามีความสำคัญยิ่งต่อสหกรณ์ เพราะจะเป็นหลักการที่ทำให้เกิดการปฏิบัติตามและการใช้หลักการข้ออื่นๆ มีประสิทธิผล หากสหกรณ์ใดละเลยไม่ให้ความสำคัญกับการศึกษาอบรม สมาชิกจะขาดความสนใจสหกรณ์และไม่เข้าใจหลักกากรที่ถูกต้องจะพากันละเลยต่อสหกรณ์ และในที่สุดการควบคุมภายในสหกรณ์ก็จะเปลี่ยนแปลงจากวิธีการประชาธิปไตย มาเป็นการควบคุมโดยคนกลุ่มน้อย การศึกษาอบรมทางสหกรณ์เป็นการแสดงถึงคุณธรรมของสหกรณ์ที่ต้องการพัฒนาคนให้เป็นผู้ใฝ่รู้
การศึกษาฝึกอบรมและสารสนเทศมีความมุ่งหมายและเน้นกลุ่มเป้าหมาย ดังนี้
– การศึกษามุ่งให้สมาชิกและบุคคลทั่วไปซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่จะเป็นสมาชิกในอนาคต มี
ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสหกรณ์ รวมทั้งมีความสำนึก และตระหลักในสิทธิและหน้าที่ของสมาชิก ให้ผู้มีจิตวิญญาณสหกรณ์
– การฝึกอบรมมุ่งให้กรรมการ ผู้จัดการและเจ้าหน้าที่สหกรณ์มีความรู้ ความสามารถ
และทักษะ รวมทั้งความรับผิดชอบในบทบา หน้าที่ของตน
– ส่วนสารสนเทศนั้นมุ่งให้บุคคลทุกกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับเยาวชนและผู้นำ
ด้านความคิดเป็น เช่น ผู้นำชุมชน นักหนังสือพิมพ์ นักเขียน ผู้นำองค์กร พัฒนาชุมชน ฯลฯ โดยเน้นการติดต่อสื่อสาร 2 ทาง (Two ways Communication)
หลักการที่ 6 การร่วมมือกันระหว่างสหกรณ์
สหกรณ์จะสามารถให้บริการแก่สมาชิกได้อย่างมีประสิทธิผลสูงสุด และเสริมสร้างความเข้มแข็งในแก่สหกรณ์ได้โดยการร่วมมือกันในทุกระดับตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ระดับชาติ ระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ

การรวมมือกันระหว่างสหกรณ์ หมายความว่า สหกรณ์ทุกประเภท ทุกระดับต้องร่วมมือกันและช่วยเหลือกันและกันในทุกโอกาส ซึ่งความร่วมมือระหว่างสหกรณ์นี้นับวันแต่จะเพิ่มขึ้นทุกขณะเพราะสหกรณ์ต้องเผชิญกับการแข่งขันของธุรกิจอื่นๆ ด้วย ดังนั้น เพื่อความอยู่รอดของสหกรณ์สหกรณ์แต่ละประเภท แต่ละระดับ จึงจำเป็นต้องมีการพึ่งพิงกัน เชื่อมโยงธุรกิจในระหว่างกันด้วยการร่วมมือระหว่างสหกรณ์นี้มีทั้งการร่วมมือกันในแนวราบ คือ การร่วมมือระหว่างสหกรณ์แต่ละสหกรณ์ด้วยกันและการร่วมมือกันในแนวดิ่ง คือ การร่วมมือระหว่าง สหกรณ์กับชุมชนสหกรณ์ในระดับจังหวัด ระดับชาติ และความร่วมมือกันระหว่างประเทศ
ความร่วมมือกันนี้ แสดงให้เห็นถึงความสามัคคี มีเมตตา พร้อมที่จะเกื้อหนุนซึ่งกันและกันแท้จริงการร่วมมือระหว่างสหกรณ์เป็นหลักการเดียวกันกับการร่วมมือระหว่างบุคคลธรรมดาในการจัดตั้งสหกรณ์นั่นเอง ซึ่งจะก่อให้เกิดการประหยัดด้วยขนาด มีอำนาจการต่อรองสูงขึ้น และนำไปสู่การรับใช้สมาชิกอย่างมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น วัตถุประสงค์สำคัญของการร่วมมือระหว่างสหกรณ์ คือ เพื่อสหกรณ์สามารถอำนาจผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นสหกรณ์ท้องถิ่นแต่ละสหกรณ์ และสหกรณ์ขั้นสูงต้องเป็นสหกรณ์ที่มีความเข้มแข็งและยั่งยืน มีชีวิตชีวา (Viable & Sustainable) และร่วมมือกันในลักษณะของ “ระบบรวม” หรือเป็นเอกภาพ
สหกรณ์พึงดำเนินกิจการต่างๆ เพื่อการพัฒนาชุมชนให้มีความเจริญยั่งยืนตามนโยบายที่มวลสมาชิกเห็นชอบ
สหกรณ์พึงดำเนินกิจกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของชุมชน ตามนโยบายที่มวลสมาชิกให้ความเห็นชอบ จึงแสดงให้เห็นถึงความเป็นองค์กรของประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ปิดกั้นประโยชน์ไว้เฉพาะกลุ่ม เฉพาะสมาชิกมีความสนใจชุมชน สังคมรอบข้างและหาทางทำประโยชน์ให้กับชุ่มชนนั้นๆ ด้วย โดยสหกรณ์จัดสรรกำไรสุทธิมาเป็นทุนสาธารณประโยชน์เพื่อทำประโยชน์ให้กับชุมชน สิ่งแวดล้อม พัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนให้ดีขึ้น

สหกรณ์เป็นองค์การทางเศรษฐกิจและสังคม และเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนที่สหกรณ์ตั้งอยู่เพราะฉะนั้น การดำเนินงานของสหกรณ์ต้องเป็นไปเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของชุมชนนั้น ๆ ซึ่งหมายความว่าเป็นการพัฒนาที่ไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ หรือเป็นการพัฒนาที่สนองความต้องการและความใฝ่ฝันของคนรุ่นปัจจุบัน โดยไม่ทำลายโอกาส ความสามารถ และอนาคตของคนรุ่นหลัง เนื่องจากสมาชิกสหกรณ์เป็นสมาชิกของชุมชนนั้นเอง สหกรณ์จึงควรมีส่วนช่วยเหลือในการพัฒนาชุมชนแบบยั่งยืน
วิธีการสหกรณ์เป็นการรวมคนที่มีอุดมการณ์สหกรณ์มาทำธุรกิจร่วมกันตามหลักการ สหกรณ์เพื่อมุ่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจและสังคมของสมาชิก โดยบุคคลที่มารวมกันนั้นจะต้องช่วยตนเองได้ (โดยการขยัน ประหยัด พัฒนาชีวิต ไม่เสพติดอบายมุขทั้งหลาย) และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน นี้เองเป็นพฤติกรรมที่สำคัญยิ่งที่จะนำกลุ่มคนที่พอมีกำลังช่วยตนเองได้ และมารวมกลุ่มกันนั้นประสบความสำเร็จ พฤติกรรมที่สำคัญของการรวมกันเพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จอาจแยกได้ 2 ประการ คือ พฤติกรรมร่วมแรง โดยการเอาแรงกาย แรงทรัพย์ และแรงความคิดมาร่วมกันทำธุรกิจ พฤติกรรมทั้ง 2 ลักษณะมีรายละเอียดดังนี้
การร่วมแรงกันในสหกรณ์ เป็นการรวมแรงกาย คือ การรวมคนที่เป็นสมาชิกเข้ามาทำธุรกิจร่วมกัน ความสำเร็จของสหกรณ์มิใช่อยู่ที่จำนวนสมาชิก แต่อยู่ที่คุณภาพของสมาชิกว่ามีความรู้ความเข้าใจในหลักปฏิบัติของสหกรณ์มาก น้อยเพียงใด และที่สำคัญมีอุดมการณ์สหกรณ์มั่นคงเพียงใดเมื่อรวมคนเข้ามาเป็นสมาชิกแล้ว สมาชิกแต่ละคนต้องร่วมกันถือหุ้นในสหกรณ์ การถือหุ้นในสหกรณ์นั้นเป็นการเอาแรงทรัพย์มารวมกัน แต่สหกรณ์ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเงินมากนัก แต่มุ่งเน้นไปที่การรวมคนการเอาทรัพย์มารวมกันนี้ ในระยะแรกเงินนี้อาจจะน้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการของสมาชิกสหกรณ์ จึงต้องพึ่งเงินทุนจากภายนอกโดยการกู้ยืมมาดำเนินธุรกิจก่อน แล้วค่อยๆ สะสมทรัพย์ขึ้นไปตามลดับ โดยกำหนดให้สมาชิกต้องถือหุ้นเพิ่มเป็นประจำทุกปี นอกจากนี้ยังเก็บสำรองตามกฎหมายจากกำไรสุทธิของสหกรณ์ที่เกิดจากการดำเนิน ธุรกิจแต่ละปี นอกจากการรวมแรงคนแรงทรัพย์แล้วทุกคนที่มารวมกันเป็นสหกรณ์จะต้องเอาแรงความ คิดมาร่วมกันในการดำเนินธุรกิจ โดยการแสดงความคิดเห็น เสนอแนะข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมแรงความคิดในสหกรณ์นี้เป็น เรื่องที่มีความสำคัญ สหกรณ์จึงต้องจัดการให้ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับสหกรณ์และการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์แก่สมาชิกเป็นประจำในรูปของการ เผยแพร่ข่าวสารทางสหกรณ์การจัดประชุมและการให้การศึกษาอบรม ทั้งนี้เพราะเมื่อสมาชิกมีความรู้ความเข้าใจสหกรณ์ตลอดจนวิธีการดำเนิน ธุรกิจของสหกรณ์แล้ว การร่วมแรงทำธุรกิจจะเป็นไปได้โดยง่ายและเกิดความร่วมมือ
แต่ความสำเร็จของสหกรณ์ไม่ได้อยู่ที่การร่วมแรงเพียงด้านเดียว ทั้งนี้เพราะสมาชิกที่มารวมกันเป็นสหกรณ์นั้น ต่างจิต ต่างใจกัน มีความแตกต่างกันในความคิด การกระทำ และความรู้สึกดังนั้นการที่จะมาอยู่ร่วมกัน และร่วมมือกันดำเนินธุรกิจให้ก้าวหน้าทีความมั่นคงได้นั้น ต้องมีพฤติกรรมของการร่วมใจกัน ให้มีคามรู้สึกว่าทุกคนเป็นเพื่อนกัน หรือเป็นพี่น้องกัน หรืออยู่ร่วมกัน เหมือนสามีภรรยากาน การอยู่ร่วมกันได้อย่างมั่นคงและยืนยาวนั้น ควรมีคุณลักษณะนิสัย ดังนี้ 1. ต้องมีความซื่อสัตย์ 2. ต้องมีความเสียสละ 3. ต้องมีความสามัคคี 4. ต้องมีวินัย
ความซื่อสัตย์ ที่ต้องแสดงต่อกันนั้นมีพื้นฐานอยู่ที่ความจริงใจต่อกัน
ความเสียสละ คือ ความมีน้ำใจ ที่จะสละความสุขส่วนตัวของตนให้แก่ผู้อื่น
ความสามัคคี คือ ความปรองดองระหว่างกันและกัน รู้จักให้อภัยกันและกัน
ความมีวินัย วินัย คือ ระเบียบข้อบังคับ มารยาท ขนบธรรมเนียม ประเพณีของสังคมนั้นๆ
1. การเข้าเป็นสมาชิก ดำเนินการโดยบุคคลสมัครใจ ตัดสินด้วยคณะกรรมการ
การดำเนินการตามหลักการประชาธิปไตย เมื่อผ่านกระบวนการจะต้องถือหุ้นอันเป็นการรวมทุน จึงได้สิทธิแห่งการเป็นสมาชิก
2. ร่วมกิจการกับสหกรณ์ โดยสมาชิกที่เป็นสมาชิกต้องเข้าร่วมประชุมตามวิธีหน้าที่ ใช้
หลักประชาธิปไตยในการประชุม เลือกตั้งตัวแทนเป็นคณะกรรมการดำเนินการ ออกนโยบายของสหกรณ์ในที่ประชุมใหญ่ดำเนินกิจการตามนโยบาย สมาชิกมีส่วนร่วมในกิจการนั้น ตามหลักการมีส่วนร่วม เมื่อมีสภาพปัญหาหรือต้องการพัฒนาจะให้หลักการศึกษาอบรมข้อมูลข่าวสาร
3. รับผิดชอบ เป็นผลของการร่วมกิจการในข้อ 2 หากกระทำสิ่งใดลงไปแล้วต้อง
รับผิดชอบ เช่น ร่วมธุรกิจสินเชื่อโดยการกู้เงินสหกรณ์ ต้องรับผิดชอบส่งชำระคืน หากไม่ชำระคืนต้องยอมรับการดำเนินการทางกฎหมาย การรับผิดชอบคือ การรับผลประโยชน์แบ่งปันจากการร่วมกิจการ ทั้งส่วนรวมและส่วนรายคนในรูปของตัวเงิน หรือการรับบริการ รวมไปถึงการแบ่งปันตามชอบให้กับชุ่มชนตามหลักการเอื้ออาทรต่อชุมชน
แผนภาพที่ 3 แผนผังแสดงวิธีการสหกรณ์

หากบุคคลในสหกรณ์นี้มีคุณธรรมเพื่อส่วนรวมจะมีความสัมพันธ์กับความสำเร็จของสหกรณ์คือ
หากบุคคลในสหกรณ์นี้มีคุณธรรมเพื่อส่วนรวมจะมีความสัมพันธ์กับความสำเร็จของสหกรณ์คือ
หลักคิดข้อนี้ คือ คุณธรรมนำสหกรณ์ สังคมแผ่นดินธรรมนำซึ่งความเจริญ อย่างมั่นคงยั่งยืน ซึ่งหมายถึงเป้าหมายแห่งสังคมสหกรณ์ทั้ง 3 ข้อนี้ เทียบเคียงได้กับกระบวนการสอนหลักธรรมของพุทธศาสนาที่กำหนดว่า

หากตอบข้อ 2 ว่า บุคคลที่เกี่ยวข้องรู้เรื่องสหกรณ์ = มีความรู้
หากตอบข้อ 3 ว่า บุคคลที่เกี่ยวข้องมีคุณธรรม = คู่คุณธรรม
หากตอบข้อ 1 ว่า สหกรณ์ดี = นำความสำเร็จ
แต่หากไม่ได้คำตอบดังกล่าว บุคคลที่เกี่ยวข้องต้องแสวงหาวิธีการสร้างความรู้ สร้างคุณธรรม เพื่อนำสู่ความสำเร็จของสหกรณ์นี้ โดยไม่ใช่ภาระหน้าที่ที่ทุกคนต้องช่วยกันร่วมมือเพราะสหกรณ์แห่งนี้เป็นของทุกคน
เป็นสมาชิกสหกรณ์เมื่อไหร่ ไม่ใช้ข้อกล่าวอ้างต่อความไม่รู้เรื่องสหกรณ์
เป็นตำแหน่งใดก็ตาม ไม่ใช่ข้อยกเวนต่อการมีคุณธรรมสหกรณ์
เมื่อคุณเป็นส่วนหนึ่งของสหกรณ์ คุณคือคนสำคัญต่อความสำเร็จของสหกรณ์
หมายถึงคุณต้องรู้ ต้องเข้าใจ ปฏิบัติตนใน
สหกรณ์อย่างมีคุณธรรมเพื่อส่วนรวม
ใส่ความเห็น